ราคากุ้งประจำวัน

ปรับปรุงเมื่อ: 05 กุมภาพันธ์ 2566

จำนวนกุ้ง (ตัว) ต่อกิโลกรัม 40 50 60 65 70 75 80 85 90 95 100 105 110 115 120 125 130 135 140 145 150 จำนวนตู้
ราคา (บาท) 205 185 175 17 170 160 150 145 135 130 128 122 122 120 120 120 120 118 118 118 116 29

'บมจ. ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์' หรือ TFM ผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์น้ำ และอาหารสัตว์เศรษฐกิจอย่างครบวงจร โชว์งบไตรมาส 3/2564 ทำรายได้รวม 1,356.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และกำไรสุทธิ 72.1 ล้านบาท ลดลง 47.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่กำไรฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดในไตรมาส 2 ปีนี้ โดยเติบโต 56% จากไตรมาสก่อน หลังปรับพอร์ตเน้นการขายสินค้าที่มี margin ดี ปรับสูตรอาหารลดต้นทุน หนุนผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 64 มีรายได้รวมอยู่ที่ 3,726.3 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 172.5 ล้านบาท ด้านผู้บริหาร TFM ประกาศเร่งขยายธุรกิจ ผลักดันรายได้ปีนี้เติบโตตามเป้า

นายบรรลือศักร โสรัจจกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ จำกัด (มหาชน) (บริษัทฯ) หรือ TFM เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ (มกราคม-กันยายน 2564) บริษัทฯ สามารถผลักดันยอดขายให้มีการเติบโตได้ดี โดยมีรายได้รวม 3,726.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 3,145.8 ล้านบาท โดยมีปริมาณการขายเพิ่มขึ้นเป็น 52,350 ตัน เติบโต 18.7% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ส่วนกำไรสุทธิทำได้ 172.5 ล้านบาท ลดลง 49.3% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากราคาวัตถุดิบหลักบางกลุ่มที่ปรับเพิ่มสูงกว่า 30-40% อย่างไรก็ตามรายได้ของบริษัทฯ ยังคงเติบโตได้ดีและสะท้อนศักยภาพการดำเนินธุรกิจในฐานะผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์น้ำ และอาหารสัตว์เศรษฐกิจอย่างครบวงจรได้เป็นอย่างดี

ขณะที่ ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2564 บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,356.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,181.2 ล้านบาท ซึ่งมีปัจจัยมาจากปริมาณการขายอาหารกุ้ง อาหารปลา และอาหารสัตว์บกที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับสามารถรับรู้รายได้จากการผลิตและจำหน่ายอาหารปลาของบริษัท AMG-TFM ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ TFM ในประเทศปากีสถาน ส่งผลให้สัดส่วนรายได้จากการขายอาหารปลาในต่างประเทศเติบโตขึ้น นอกจากนี้ การปรับพอร์ตสินค้าที่หันมาเน้นขายกลุ่มสินค้า High Value เช่น อาหารสุกร และการบริหารจัดการด้านต้นทุนวัตถุดิบที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า

"ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2564 และช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทฯ ยังสามารถรักษาอัตราการเติบโตที่ดีทั้งในแง่ของรายได้รวมและกำไรสุทธิ สะท้อนถึงความสามารถการดำเนินธุรกิจที่ดีของเรา เพื่อสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนให้แก่ผู้ถือหุ้นทุกคน" นายบรรลือศักร กล่าว

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TFM กล่าวเพิ่มเติมว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2564 แม้ว่าโดยธรรมชาติจะเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของธุรกิจ เนื่องจากเข้าสู่ฤดูหนาวซึ่งเกษตรกรมักจะลงลูกกุ้งและลูกปลาลดลง อันอาจส่งผลให้ยอดขายอาหารสัตว์น้ำชะลอตัวบ้างเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม จากนโยบายการเปิดประเทศของภาครัฐที่คาดว่าจะทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริโภคในประเทศกลับมาฟื้นตัว จะช่วยหนุนให้อุตสาหกรรมปศุสัตว์กลับมาฟื้นตัวและส่งผลดีต่อความต้องการอาหารสัตว์มากขึ้น ถือเป็นปัจจัยเชิงบวกต่ออุตสาหกรรมและส่งผลดีต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ

ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงมุ่งขยายการเติบโตของธุรกิจ โดยเน้นให้ความสำคัญกับการเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) และพัฒนาสินค้าให้มีอัตรากำไรอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการออกสินค้ากลุ่ม Fighting Brand เน้นทำการตลาดกับกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย ในขณะเดียวกัน TFM อยู่ระหว่างการวิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์ชนิดอื่นๆ และวางแผนสร้างอาหารสัตว์น้ำเศรษฐกิจตัวใหม่ๆ เช่น อาหารปู ปลากดคัง ปลาชะโอน เป็นต้น ดังนั้น บริษัทฯ จึงมั่นใจว่าภาพรวมการดำเนินงานทั้งปีจะสามารถเติบโตได้ตามแผน หรือมีรายได้รวมเฉียด 5,000 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนที่มีรายได้รวม 4,244.5 ล้านบาท